(รูปภาพจาก cloth2rich.com).
Outlet ในที่นี้คือ การเปิดร้านเช่าตึก
ลองมาดูการเปิด ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ที่สะดวกซื้อ เพราะอยู่ในชุมชนใกล้บ้านคุณ ถ้าเอาเจ้าที่ดังที่สุด เริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบ้าน กู้เงินในโครงการได้ 6 แสน ที่เหลือคุณต้องมี หรืออาจต้องกู้มาจากที่อื่น แต่คุณจะได้เพียงสิทธ์ในการเป็นผู้บริหารร้าน และได้รายได้สัก 5-7 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ค่าจ้างพนักงาน ส่วนค่าเช่าตึก บริษัทแม่ เจ้าของแฟนไชส์เป็นผู้จ่าย ดูข้อมูลได้จากหน้าเวปของเขาครับ ถ้าร้านใหญ่ก็ 2 ล้านขึ้นไป
หรือลองเอา ตู้น้ำดื่ม ตู้เติมเงินมือถือ ตู้น้ำมัน ตู้อินเตอร์เน็ต เครื่องซักผ้า หยอดเหรียญ มาตั้งหน้าบ้าน ถ้าคนอยู่ในชุมชนที่หนาแน่นหน่อย ตู้เติมเงินคงสัก 2 หมื่นบาท
http://www.thaifranchisecenter.com/
บ้านคุณติดเคเบิลหรือป่าว ถ้าเราจะเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวี เริ่มต้นที่ห้องส่งสัญญาณประมาณ 1 ล้าน ซึ่งในไม่ช้านี้ สมาคมเคเบิลเขาจะทำการส่งสัญญาณจากสำนักงานใหญ่มาให้ ประมาณ 80 ช่อง แล้วเรารับมาและส่งต่อให้สมาชิกเลย ค่าใช้จ่ายอื่นก็ ค่าจ้างพนักงาน เช่าตึก และเดินสายเคเบิลในพื้นที่ แต่เราสามารถเช่าสายไฟเบอร์ออฟติค (เป็น Digital) ของ CAT ได้ ที่เหลือเพียงลากสายจากเสาไฟฟ้าหน้าบ้านลูกค้าเขาไปในบ้านเพียงไม่กี่เมตร
คือขณะนี้ผู้ให้บริการต้องเลือกช่องรายการและซื้อมาที่ล่ะช่อง และแยกจ่ายเงินให้กับเจ้าของช่องรายการ ถ้าสมาคมฯ ทำแบบที่กล่าว เราก็จ่ายค่าช่องรายการให้สมาคมฯ เจ้าเดียวก็จบเลย ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงเยอะมาก เพราะ 80 ช่อง อาจะซื้อมาจาก 20 เจ้า ประมาณนี้ครับ
(ข้อมูลจากเพื่อนผู้ทำธุรกิจเคเบิลทีวี)
ลองมาซื้อคอนโด ดู ห้อง 6 แสน ค่าเช่า 4,500 บาท/เดือน เขาบอกได้รายได้มากกว่า เอาเงินฝากธนาคาร ฝาก 6 แสน ดอกเบี้ย 1.5% ได้เดือนล่ะ 750 บาท ลองคำนวณดูครับ ไม่รู้ถูกหรือป่าว
ถ้าทำร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต คอมฯ เครื่องล่ะ 2 หมื่น 20 เครื่อง เป็นเงิน 4 แสน ที่เหลือเป็นค่าตกแต่งร้าน ค่าบริการ 15-20 บาท/ชม.
คิด 8 ชม.x20เครื่องx15บาทx30 วัน = รายได้ 72,000 บาท/เดือน อันนี้คือลูกค้านั่งเต็มตลอดทั้ง 8 ชม. นะครับ ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ค่าแอร์เยอะสุดครับ
หรือจะซื้อทองแท่ง 5 บาท ราคา 15,500 บาท พอขึ้นใกล้ 16,500 ก็ขายไป ได้ 1,000 บาท คุ้มไม๊เอ่ย
งั้นก็ไปเล่น Gold Future ไปเลย หรือไม่ก็รอซื้อหวยออนไลน์
ลองมาดูการเปิด ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ที่สะดวกซื้อ เพราะอยู่ในชุมชนใกล้บ้านคุณ ถ้าเอาเจ้าที่ดังที่สุด เริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบ้าน กู้เงินในโครงการได้ 6 แสน ที่เหลือคุณต้องมี หรืออาจต้องกู้มาจากที่อื่น แต่คุณจะได้เพียงสิทธ์ในการเป็นผู้บริหารร้าน และได้รายได้สัก 5-7 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย ค่าจ้างพนักงาน ส่วนค่าเช่าตึก บริษัทแม่ เจ้าของแฟนไชส์เป็นผู้จ่าย ดูข้อมูลได้จากหน้าเวปของเขาครับ ถ้าร้านใหญ่ก็ 2 ล้านขึ้นไป
หรือลองเอา ตู้น้ำดื่ม ตู้เติมเงินมือถือ ตู้น้ำมัน ตู้อินเตอร์เน็ต เครื่องซักผ้า หยอดเหรียญ มาตั้งหน้าบ้าน ถ้าคนอยู่ในชุมชนที่หนาแน่นหน่อย ตู้เติมเงินคงสัก 2 หมื่นบาท
http://www.thaifranchisecenter.com/
บ้านคุณติดเคเบิลหรือป่าว ถ้าเราจะเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวี เริ่มต้นที่ห้องส่งสัญญาณประมาณ 1 ล้าน ซึ่งในไม่ช้านี้ สมาคมเคเบิลเขาจะทำการส่งสัญญาณจากสำนักงานใหญ่มาให้ ประมาณ 80 ช่อง แล้วเรารับมาและส่งต่อให้สมาชิกเลย ค่าใช้จ่ายอื่นก็ ค่าจ้างพนักงาน เช่าตึก และเดินสายเคเบิลในพื้นที่ แต่เราสามารถเช่าสายไฟเบอร์ออฟติค (เป็น Digital) ของ CAT ได้ ที่เหลือเพียงลากสายจากเสาไฟฟ้าหน้าบ้านลูกค้าเขาไปในบ้านเพียงไม่กี่เมตร
คือขณะนี้ผู้ให้บริการต้องเลือกช่องรายการและซื้อมาที่ล่ะช่อง และแยกจ่ายเงินให้กับเจ้าของช่องรายการ ถ้าสมาคมฯ ทำแบบที่กล่าว เราก็จ่ายค่าช่องรายการให้สมาคมฯ เจ้าเดียวก็จบเลย ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงเยอะมาก เพราะ 80 ช่อง อาจะซื้อมาจาก 20 เจ้า ประมาณนี้ครับ
(ข้อมูลจากเพื่อนผู้ทำธุรกิจเคเบิลทีวี)
ลองมาซื้อคอนโด ดู ห้อง 6 แสน ค่าเช่า 4,500 บาท/เดือน เขาบอกได้รายได้มากกว่า เอาเงินฝากธนาคาร ฝาก 6 แสน ดอกเบี้ย 1.5% ได้เดือนล่ะ 750 บาท ลองคำนวณดูครับ ไม่รู้ถูกหรือป่าว
ถ้าทำร้านให้บริการอินเตอร์เน็ต คอมฯ เครื่องล่ะ 2 หมื่น 20 เครื่อง เป็นเงิน 4 แสน ที่เหลือเป็นค่าตกแต่งร้าน ค่าบริการ 15-20 บาท/ชม.
คิด 8 ชม.x20เครื่องx15บาทx30 วัน = รายได้ 72,000 บาท/เดือน อันนี้คือลูกค้านั่งเต็มตลอดทั้ง 8 ชม. นะครับ ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ค่าแอร์เยอะสุดครับ
หรือจะซื้อทองแท่ง 5 บาท ราคา 15,500 บาท พอขึ้นใกล้ 16,500 ก็ขายไป ได้ 1,000 บาท คุ้มไม๊เอ่ย
งั้นก็ไปเล่น Gold Future ไปเลย หรือไม่ก็รอซื้อหวยออนไลน์
มาดู MLM (Multi Level Marketing) เหตุที่คนเข้ามาทำขายตรง และธุรกิจออนไลน์ แบบ MLM เพราะถ้าสร้างเครือข่ายได้จำนวนนึง รายได้จะเกิดจากการทำงานแบบทวีคูณ จากยอดของกลุ่ม ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เราต้องยอมรับได้ ดีกว่าที่เราจะทำงานคนเดียว และได้รายได้ไม่มากนัก
และผู้ที่ทำ MLM เขาก็หวังว่าจะเป็นมรดกให้ลูก หลานได้ด้วย เหมือนกับการทำธุรกิจปกติ
เมื่อก่อน Google Adsence ก็เคยทำเป็น MLM แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว และ Amazon ก็เป็นเพียงตัวแทนขาย ไม่มี MLM ดังนั้น Google และ Amazon เป็นงานออนไลน์ ที่ไม่ได้เป็นธุรกิจเครือข่าย คือทำงานคนเดียวต่างคนต่างทำ
ธุรกิจออนไลน์จะมีวิธีทำงานพื้นฐานเหมือนกันครับ อยู่ที่คุณจะเลือกจับสินค้าตัวไหนเท่านั้นเอง วิธีการที่แชร์ให้ฟัง หรือจากหนังสือที่มีขายทั่วไป เอามาใช้ได้หมดครับ เพราะเราอยู่บน เครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมถึงกันหมดครับ ..พี่น้องครับ..
Thank you, Teacher.
See you again tomorrow.
.. ..
และผู้ที่ทำ MLM เขาก็หวังว่าจะเป็นมรดกให้ลูก หลานได้ด้วย เหมือนกับการทำธุรกิจปกติ
เมื่อก่อน Google Adsence ก็เคยทำเป็น MLM แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว และ Amazon ก็เป็นเพียงตัวแทนขาย ไม่มี MLM ดังนั้น Google และ Amazon เป็นงานออนไลน์ ที่ไม่ได้เป็นธุรกิจเครือข่าย คือทำงานคนเดียวต่างคนต่างทำ
ธุรกิจออนไลน์จะมีวิธีทำงานพื้นฐานเหมือนกันครับ อยู่ที่คุณจะเลือกจับสินค้าตัวไหนเท่านั้นเอง วิธีการที่แชร์ให้ฟัง หรือจากหนังสือที่มีขายทั่วไป เอามาใช้ได้หมดครับ เพราะเราอยู่บน เครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมถึงกันหมดครับ ..พี่น้องครับ..
Thank you, Teacher.
See you again tomorrow.
.. ..
Posted by Chaloemkiat S.
..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น